ไวน์ Old world เเละ New world เเตกต่างกันยังไง?
January 15, 2021
คำว่า New World (ไวน์โลกใหม่) เเละ Old World (ไวน์โลกเก่า) เป็นคำที่ใช้บ่งบอกเเหล่งผลิตของไวน์นั่นเองครับ รวมถึงยังสามารถบอกถึงรสสัมผัสเเละเอกลักษณ์ของไวน์นั้นๆ อีกด้วย ว่าเเต่ไวน์ทั้งสองอย่างนี้เเตกต่างกันอย่างไรละ เรามาทำความรู้จักไวน์ทั้ง 2 ประเภทนี้กันเลยครับ
ไวน์แนะนำ
ไวน์แนะนำ
Old World Wine (ไวน์โลกเก่า)
คือ ไวน์ที่ผลิตในประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นเเหล่งกำเนิดของไวน์ ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี, สเปน, เยอรมัน, โปรตุเกส, ออสเตรีย, กรีซ, ฮังการี เเละที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือเจ้าเเม่เเห่งการทำไวน์ ประเทศฝรั่งเศสนั้นเอง ซึ่งประเทศเหล่านี้มีการผลิตไวน์มาเเล้วอย่างน้อยถึง 5 ทศวรรษเลยทีเดียวละครับ โดยนอกจากเป็นเเหล่งกำเนิดไวน์เเล้ว ที่นี่ยังเป็นเเหล่งกำเนิดของกฏเเละเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การปลูกองุ่น การหมักไวน์ในถังโอ๊คเเละอื่นๆ ที่เป็นกระบวนการเเบบดั้งเดิมที่ทำกันมาหลายรุ่นอีกดวย
New World Wine (ไวน์โลกใหม่)
คือ ไวน์ผลิตในประเทศที่อยู่นอกทวีปยุโรปเเละมีการเริ่มผลิตไวน์ทีหลัง มีทั้งอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีเเลนด์, อาร์เจนติน่า, เเอฟริกาใต้, อินเดีย, จีน, ญี่ปุ่นเเละรวมถึงพี่ไทยด้วย อารมณ์เหมือนเป็นผลของการล่าอาณานิคมของประเทศในทวีปยุโรป ง่ายๆ ก็คือเป็นการเผยเเพร่วัฒนธรรมการผลิตไวน์ไปสู่ดินเเดนใหม่นั่นเอง
อากาศของประเทศ New World นั้นจะอุ่นกว่าทำให้องุ่นนั้นสุกกว่า ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไวน์มีเเอลกอฮอล์เเละ body สูง เเละรสชาติผลไม้เด่นชัด ส่วนมากไวน์ New World ก็จะใช้โอ๊คมากช่วยมากกว่าอีกด้วย
ความเเตกต่างของรสสัมผัส
สำหรับความเเตกต่างของไวน์ทั้ง 2 โลกนี้ก็คล้ายกับความเเตกต่างขององุ่นที่ปลูกในอุณหภูมิอุ่นเเละเย็นเเหละครับ เพราะก็จะมีรสชาติที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตามเเหล่งที่ปลูก
เรามาเริ่มกันที่ไวน์โลกเก่ากันก่อนเลย โดยลักษณะของไวน์โลกเก่าจะมี body เเละเเอลกอฮอล์ที่เบากว่า ( เเต่ก็ไม่เสมอไป) acidity จะสูงกว่า มีรสสัมผัสไปทางพวกเเร่ธาตุมากกว่าผลไม้ เพราะปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น ความสุกก็อาจจะไม่เฟียสเท่าไหร่ อย่างเช่น องุ่น Pinot Noir, Syrah เเละ Cabernet Sauvignon เเต่ถึงรสชาติส่วนใหญ่จะออกเเนวเเร่ธาตุ ก็ไม่เเต่เเปลว่าไวน์โลกเก่าไม่มีเเบบฟรุ๊ตตี้นะครับ อย่างอิตาลีนี่ก็ผลิตไวน์ที่ให้รสชาติผลไม้ได้ดี เเถมมีความหรูหราอีกด้วย นอกจากนี้คนที่ชอบไวน์โลกเก่าส่วนใหญ่จะติดใจความคลาสสิคของทั้งรสชาติไวน์เเละกระบวนการผลิตที่มีความเป็นขั้นเป็นตอนนั่นเอง
เเละอย่างที่บอกนะครับ ไวน์ New World เขาจะฟรุ๊ตตี้เเละ Full-bodied มากกว่า ไวน์โลกใหม่มีเรื่องของ innovation มาเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกองุ่นหรือกระบวนการหมัก จนไปถึงการใช้โอ๊ค
สรุปคือ..
ไวน์ Old World:
- body เบากว่า
- alcohol น้อยกว่า
- acidity สูงกว่า
- มีรสสัมผัสของเเร่ธาตุ
ไวน์ New World:
- body เข้มกว่า
- alcohol สูงกว่า
- acidity ต่ำกว่า
- มีรสสัมผัสของผลไม้
ไวน์ทั้งสองประเภทนี้มีสีเเละกลิ่นที่ใกล้เคียงกันอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ จะเเตกต่างกันก็ตรงพวกความเข้ม-อ่อนเเละรสสัมผัสบางอย่าง รวมๆ เเล้วก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในเเบบตัวเอง อย่างจุดเด่นของไวน์โลกเก่า เขาจะมีรสชาติที่ซับซ้อนเเละเอจได้ดีมาก เหมาะกับคนที่ชอบเอจไวน์ ส่วนจุดเด่นของไวน์โลกใหม่นั้นคือความหลากหลายเเละเเปลกใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับวงการไวน์มากๆ ที่มีคนสร้างสรรค์ไวน์เเบบใหม่ออกมา คนรักไวน์ก็ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกดื่มตามความชอบ ใครชอบเเบบไหนก็จัดไปเลยคร้าบ
ถ้าใครเป็นสายเอจไวน์เเละชอบไวน์ที่มีความซับซ้อนก็คงจะชอบไวน์โลกเก่ามากกว่า ผมเเนะนำให้ซื้อไวน์โลกเก่าดีกว่านะครับ เพราะสามารถเอจได้นานเเละดีกว่า แต่ความคิดที่ว่าคุณภาพไวน์โลกเก่า จะต้องดีกว่าไวน์โลกใหม่นั้น เป็นความคิดล้าสมัยไปแล้วครับ! เพราะตอนนี้ไวน์โลกใหม่ได้พัฒนาคุณภาพไวน์ของประเทศตนเอง จนเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับไวน์ฝรั่งเศส อิตาลีได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนาปา วัลเล่ย์ในสหรัฐอเมริกา ที่หากพูดถึงไวน์แบบ single varietal หรือไวน์ที่ทำจากองุ่นชนิดเดียว อย่าง Cabernet Sauvignon รสชาติเข้มข้น ก็เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร หรือชิลี และอาร์เจนติน่า ที่สามารถผลิตวน์ราคาสุดคุ้ม คุณภาพคับขวด ฉะนั้นไวน์เเมนว่า เรื่องเเบบนี้ก็อาจอยู่ที่ความชอบของคนดื่มด้วยน่ะสิครับ เเต่ยังไงคนรักไวน์ก็ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกดื่มตามความชอบ ใครชอบเเบบไหนก็จัดไปเลยคร้าบ
เเต่ยังไม่จบครับ ไวน์เเมนขอเเนบเกร็ดความรู้ไปอีกนิดหนึ่ง~
คนส่วนใหญ่ชอบพูดถึงเเต่ไวน์โลกใหม่เเละโลกเก่า จริงๆ เเล้วก็มีไวน์อีกโลกที่เรียกว่า ‘Ancient World’ ด้วยนะครับ เเปลเป็นไทยก็คงจะเป็นไวน์โลกโบราณ ซึ่งอยู่ในบริเวณยุโรปตะวันออกไกล (เเถวๆ Bulgaria, Romania, Ukraine ประมาณนี้) เเหล่งกำเนิดขององุ่น Vitis vinifera ในปัจจุบันบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่การผลิตไวน์กำลังเติบโตมากขึ้น มีการใช้องุ่นพันธุ์โบราณและใช้ทั้งเทคนิคการทำไวน์เเบบดั้งเดิมเเละโมเดิร์นผสมผสานกัน เห็นเเล้วก็น้ำลายสอ อยากดื่มไวน์จากที่นี่จัง